น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องมาที่ระดับ 36.30-36.32 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ (09.00 น.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.13 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลง ขณะที่เงินดอลลาร์ ปรับตัวขึ้นตามบอนด์ยีลด์สหรัฐ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า จะยังคงเห็นสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินจากเฟดต่อไป โดยล่าสุด ประธานเฟดสาขาชิคาโก ให้ความเห็นว่า อัตราเงินเฟ้อที่อยู่เหนือระดับเป้าหมายของเฟดเป็นความเสี่ยงมากกว่าสถานการณ์ที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวจากผลกระทบของการคุมเข้มนโยบายการเงิน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 36.10-36.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกเดือน ส.ค.ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ดัชนีราคาบ้านเดือน ก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือน ส.ค.
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเล็กน้อย (แกว่งตัวในช่วง 36.09-36.22 บาทต่อดอลลาร์) ตามจังหวะการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่ยังคงได้แรงหนุนจากความกังวลของผู้เล่นในตลาดว่า เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานขึ้น (Higher for Longer)
ซึ่งมุมมองดังกล่าวยังได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ปรับตัวขึ้นต่อ โดยการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ยังได้กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงทดสอบโซนแนวรับหลักอีกครั้ง
แม้ว่า ผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐ ยังคงไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานขึ้น (Higher for Longer) แต่ทว่า หุ้นธีม AI ต่างสามารถปรับตัวขึ้นได้บ้าง นำโดย Amazon +1.7% หลัง Amazon เตรียมลงทุนเพิ่มเติม เพื่อเข้ามาแข่งขันในด้าน Generative AI โดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นธีม AI ที่ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่ ก็สามารถช่วยหนุนให้ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.40%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวลดลงต่อราว -0.62% ท่ามกลางความกังวลว่าบรรดาธนาคารกลางหลักอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ นอกจากนี้ หุ้นธีมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อาทิ กลุ่มสินค้าแบรนด์เนม (Hermes -3.4%) และกลุ่มเหมืองแร่ (Rio Tinto -1.9%) ต่างปรับตัวลงหนัก หลังผู้เล่นในตลาดยังไม่มั่นใจต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งคาดว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานดัชนี PMI ของจีนในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ในฝั่งตลาดบอนด์ ความกังวลของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับสูงได้นาน ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในระยะนี้ ยังคงหนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.55% สูงกว่าที่เราเคยประเมินไว้พอสมควร ทั้งนี้ ในช่วงระยะสั้น บอนด์ยีลด์ระยะยาวยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนต่อ โดยต้องจับตาทั้งปัจจัยเสี่ยงการเมืองภายในสหรัฐ (ประเด็นผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ เพื่อหลีกเลี่ยง Government Shutdown) รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หนุนโดยความกังวลแนวโน้มเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน ซึ่งส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ยังคงปรับตัวสูงขึ้น ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยปรับตัวขึ้นใกล้ทดสอบแนวต้านสำคัญแถว 106 จุด (กรอบ 105.5-106.1 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ และท่าทีของบรรดาธนาคารกลางหลักที่อาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานขึ้น ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ย่อตัวลงสู่ระดับ 1,935 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นโซนแนวรับหลัก (ซึ่งหากหลุดแนวรับนี้ มีความเสี่ยงที่ราคาทองคำอาจลดลงสู่ระดับ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ไม่ยาก) ทั้งนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจยังคงเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานยอดการส่งออก (Exports) และยอดการนำเข้า (Imports) ของไทยในเดือนสิงหาคม โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า ยอดการส่งออกอาจหดตัวต่อเนื่อง -3.6%y/y ตามการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจคู่ค้า และแม้ว่า ยอดการนำเข้าจะหดตัว -10%y/y เช่นกัน แต่ทว่าโดยรวมดุลการค้า (Trade Balance) อาจขาดดุลกว่า -1.8 พันล้านดอลลาร์
ส่วนในฝั่งสหรัฐ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ข้อมูลตลาดบ้าน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดย Consumer Confidence และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด และ ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไปคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ขณะที่แนวโน้มของค่าเงินบาท ประเมินว่า การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในช่วงคืนที่ผ่านมา พร้อมกับการย่อตัวลงของราคาทองคำ ยังคงเป็นปัจจัยที่หนุนโมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าของเงินบาท ทำให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อทดสอบโซนแนวต้านหลักในระยะสั้น แถวโซน 36.30 บาทต่อดอลลาร์ อีกครั้งคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ซึ่งเรามองว่า หากนักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับมาเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยและเดินหน้าเทขายทั้งหุ้นรวมถึงบอนด์ไทยอย่างต่อเนื่อง เงินบาทก็สามารถอ่อนค่าทดสอบโซนดังกล่าวได้ไม่ยาก
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงทยอยรับรู้รายงานยอดการส่งออกและนำเข้าของไทย โดยหากยอดการส่งออกหดตัวน้อยกว่าคาด จนทำให้ดุลการค้าอาจไม่ได้ขาดดุลไปมากกว่า -1.8 พันล้านดอลลาร์ ตามที่ตลาดคาด ก็อาจพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง อนึ่ง เราคงมองว่า เงินบาทอาจยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ชัดเจน จนกว่าจะเห็นปัจจัยที่สามารถกดดันให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้ ซึ่งกรณีที่จะเห็นเงินบาทแข็งค่าได้ชัดเจน ควรเห็นทั้งการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ พร้อมกับการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ และการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ
โดยเรามองว่า ภาพดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ เริ่มออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน (สัปดาห์นี้จะมีข้อมูลสำคัญ อย่าง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และอัตราเงินเฟ้อ PCE) ทำให้ตลาดเริ่มไม่เชื่อใน Dot Plot ใหม่ของเฟด